วันเสาร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2560

Wealth Management pyramid



ในมุมมองของ VirsonWealth  ขออธิบายมุมมอง สามเหลี่ยมทางการเงิน เพื่อเป็นการวางแผนการเงินส่วนบุคคลให้เข้ากับยุคสมัยและคนไทยดังนี้นะครับ

1.Cash Flow Management การบริหารสภาพคล่องของเงินสดส่วนบุคคล หมายถึงการวางแผนการใช้จ่ายเงินประจำวัน ประจำเดือน ประจำปีของบุคคลนั้นๆ ให้เพียงพอกับรายรับ รู้จักประมาณการรายรับล่วงหน้า กันเงินส่วนหนึ่งไว้ 3-6 เท่าของค่าใช้จ่ายประจำเดือนไว้หากเกิดเหตุฉุกเฉิน (หากเป็น3-6 เท่าของรายได้จะดีมาก ทั้งนี้โดยทั่วไป รายได้ต้องมากกว่าค่าใช้จ่าย) ดังนั้นเราจึงต้องรู้จักประมาณการในการกินการใช้ต่างๆ เพื่อให้เหลือเงินไปบริหารความมั่งคั่งมากขึ้น  ซึ่งสูตรสำเร็จคือ รายได้ - เงินออม = ค่าใช้จ่าย  (อย่าบอกนะว่าเดือนชนเดือน มนุษย์เงินเดือนทั้งหลาย)

2.Risk Management (การบริหารความเสี่ยงส่วนบุคคล)  พูดกันมาเยอะกับการบริหารความเสี่ยงส่วนบุคคล แยกกันออกจากธุรกิจนะครับ เพราะธุรกิจคือความเสี่ยงด้านธุรกิจไม่ใช่ส่วนบุคคล เป็นนิติบุคคล ซึ่งก็จะมีความเสี่ยงที่แตกต่างไปจากตัวบุคคล  แต่ก็แนวทางคล้ายๆ กัน
ชีวิตคนเราเมื่อเกิดขึ้นมาก็มาพร้อมกับความเสี่ยง เสี่ยงแรกคือ พ่อแม่ลุ้นว่าจะเป็นหญิงหรือชาย จะรอดมั้ยปลอดภัยทั้งแม่และลูกมั้ย ต่อมาก็ลุ้นว่าจะครบ 32 ประการมั้ย  พอเริ่มโตก็ลุ้นว่าจะมองเห็นมั้ย พูดได้มั้ย ฟังได้ยินหรือไม่ เดินได้มั้ย ยังลุ้นต่อว่าจะเรียนเก่งมั้ย ก็เข้าสู่วัยเรียน พ่อแม่ก็จะวางแผนให้ลูกได้เรียนหนังสือที่ดีๆ อยู่ในสังคมที่ดีมีคุณภาพ จบออกมาทำงานที่ดีๆ เลี้ยงอาชีพได้ เติบโตเป็นวัยทำงานเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติพัฒนาต่อไป นั่นแหละจะพูดไปก็คือวงจรของการมีชีวิตอยู่และดับไปของมนุษย์

ดังนั้นหากเข้าใจความเสี่ยงต่างๆ ที่เราพบเจอทุกวันทำความเข้าใจสักนิด เราก็จะรู้ว่า เราเองต้องมีการควบคุมให้อยู่ในวงจำกัด (เพราะความเสี่ยงพวกนี้ไม่สามารถกำจัดได้มีแต่ความคุมไม่ให้เสียหายมากไป) โชคดีมากมีกลุ่มคนที่คิดค้นให้เกิดบริษัทประกัน เพื่อรับภาระความเสี่ยงต่างๆ จากเหตุการณ์ต่างๆในชีวิตประจำวันของคนเราไม่ว่าจะเป็นอายุยาวเกินไป อายุสั้นเกินไป อุบัติเหตุ เจ็บป่วย โรคร้ายแรง พิการหรือทุพลภาพ   ซึ่งเราเองก็ควรจะมีกรมธรรม์อย่างน้อย 1 ฉบับเพื่อจัดการความเสี่ยงพวกนี้  ไม่เพราะใคร เพราะความมั่งคั่งของเราเองและครอบครัวให้มั่นคงและยั่งยืน สามารถส่งต่อรุ่นสู่รุ่นได้มากกว่ารุ่นเรา จะเห็นว่าเมื่อตระกูลไหนมั่งคั่งอยู่แล้วหากมีการบริหารจัดการมีธรรมนูญครอบครัว เรื่องการจัดการความเสี่ยง ก็จะทำให้ตระกูลนั้นมั่งคั่ง ยั่งยืนตลอดไป  ทั้งยังสามารถส่งต่อธุรกิจครอบครัวได้ยาวนานมากกว่า 3 รุ่นได้ด้วยความเข้าใจทั้งรุ่นแรกและรุ่นหลังๆ



วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ความรับผิดชอบ

ในหนึ่งชีวิตเกิดมาคนเราล้วนแล้วแต่สถานะ เชื้อชาติ ฐานะ สถานการณ์ สิ่งแวดล้อม ล้วนแล้วแต่แตกต่างกัน ไม่ว่าเราจะอยู่สถานการณ์เช่นไร สิ่งแวดล้อมเช่นไร ทำอะไร ตำแหน่งไหน สถานะอะไร สิ่งหนึ่งที่เราทุกคนต้องมีคือ "ความรับผิดชอบ"

สิ่งแรกที่ต้องมีคือ ความรับผิดชอบต่อตัวเอง  เคยคิดมั้ยว่าเราต้องรับผิดชอบตัวเองอะไรบ้าง
- กินข้าว
- ทำความสะอาดร่างกาย
- ทำการบ้าน
- อ่านหนังสือ
-ดูแลร่างกายตัวเอง
ฯลฯ
เพราะตัวเราเองต้องไม่เป็นภาระของผู้อื่น เราต้องรับผิดชอบในเรื่องพื้นฐานในชีวิตประจำวันของตัวเราเอง หากยังดูแลรับผิดชอบตัวเองไม่ได้ ก็ยากที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคต (แต่ไม่ใช่การเห็นแก่ตัวนะครับ)

เมื่อเติบโตเป็นวัยเรียน เราก็มีหน้าที่รับผิดชอบตั้งใจเรียนหนังสือ หากไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือ ไม่ว่าจะทำงานหรือทำหน้าที่อะไร ก็ต้องทำหน้าที่รับผิดชอบให้ดีเต็มความสามารถ

คนเป็นพ่อ แม่ ก็มีหน้าที่รับผิดชอบเลี้ยงดูบุตรให้เติบใหญ่อย่างมีคุณภาพ สมกับความรักที่มีให้ต่อกันและกันเมื่อครั้งที่รักกันใหม่ๆ คนเกิดมีพยานรัก

เมื่อคุณลูกทั้งหลายเรียนหนังสือ หรือทำงานแล้ว มีหน้าที่การงานที่ดีทำ ก็รับผิดชอบพ่อแม่ เนื่องจากท่านก็ได้แก่ชราลง เรี่ยวแรงจะทำงานก็ไม่ไหว ดูแลท่านให้ดีสมกับท่านเป็นผู้กำเนิดเราเพราะบุญคุญพ่อแม่ มากมายเหลือเกิน

คำว่าดูแลดูแลพ่อแม่ ไม่ได้แค่ให้เงินใช้แต่ละเดือน เราต้องดูและรับผิดชอบถนอมน้ำใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะยิ่งแก่ ท่านยิ่งมีอาการน้อยใจได้มาก พาท่านไปทำบุญ ทำกุศล พาไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ และสิ่งดีในครอบครัวก็จะเกิดขึ้น เพราะเราดูแลกันด้วยความรักและเอาใจใส่กัน

สามี และภรรยา ก็มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบกันและกัน ใส่ใจดูแลกันให้ดี อยู่ด้วยกันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะไม่เข้าใจกันบ้าง แต่หากความรักที่เรามีให้กันแล้วคำว่า "อภัย และปรารถนาดี" ย่อมมีมากกว่าแล้วชีวิตคู่จะยั่งยืนถาวร

ครูบาอาจารย์ มีหน้าที่สั่งสอนอบมรมศิษย์ให้เป็นคนดี ให้รู้แจ้งเห็นจริงทั้งในวิชาการศึกษาและวิชาชีวิต ฉะนั้นสำคัญเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ที่ปวารณาตัวแล้วจะเป็นครูบาอาจารย์ย่อมมีจิตใจที่เติบใหญ่ พร้อมที่จะให้และอบรมสั่งสอนศิษย์ให้เต็มภาคภูมิความสามารถ นับได้ว่าครูบาอาจารย์เป็นอาชีพมากกว่าอาชีพ ที่คนเราจะต้องเราเคารพนับถือ มากกว่าผู้มีพระคุณ เป็นเพราะเป็นผู้ให้โดยไม่หวังผลสิ่งตอบแทนใดๆ จริงๆ

เจ้านายต้องรับผิดชอบลูกน้อง  ลูกน้องต้องรับผิดชอบหน้าที่การทำงานให้เต็มกำลังสติปัญญาและความสามารถ เป็นเจ้านาย เป็นผู้มีอำนาจ  เป็นผู้ใหญ่ต้องมีคุณธรรมประจำใจ ประจำตัว เมื่อพร้อมแล้วที่จะเป็นผู้บังคับบัญชาแล้ว เราก็พร้อมแล้วจะต้องเป็นผู้ให้  มือผู้ให้อยู่สูงกว่ามือผู้รับเสมอ .... ผู้น้อยก็รับแล้วก็ต้องมีคุณธรรมที่จะนำแรงบันดาลใจ ตั้งใจทำงานตอบแทนความรักความเมตตาต่อผู้บังคับบัญชา และแน่นอนว่าหากวันหน้าเราขึ้นเป็นผู้บังคับบัญชา เราก็จะไม่ลืมที่จะส่งต่อคุณธรรมต่อคนรุ่นหลังต่อไป เพราะไม่มีใครจะอยู่ยั่งยืนยงสถาพร ไปตลอดกาล ต้องเตือนตนอยู่เสมอหัวโขน เปลี่ยนได้ตลอดเวลา มีขึ้นก็มีลงเป็นธรรมดาของโลก

ฉะนั้นต่างคน ต่างวาระ ต่างหน้าที่ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะอะไรเราล้วนจะต้องพึ่งพากันเสมอ สิ่งหนึ่งที่เราจะต้องมีประจำใจคือความรักและปรารถนาดีต่อกัน รับผิดชอบซึ่งกันและกัน สังคมเราจะเต็มไปด้วยคนดีๆ เพราะมีวาสนาต่อกันเราจึงได้เกิดมาและรู้จักกัน คิดถึงคนอื่นให้มากๆ แล้วคุณจะพบกับความสุข

ความสำเร็จของการใช้ชีวิตว่าประสบผลสำเร็จมากแค่ไหนวัดกันในวันที่คุณได้จากโลกนี้ไป ว่าวันนั้นมีใครมาร่วมแสดงความเสียใจในวันที่คุณไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้ว มีคนรักคุณมากน้อยแค่ไหน ไม่ใช่เพียงเพราะตำแหน่ง อำนาจ หน้าที่ หรือเป็นศิลปิน ดารา ที่คนจะมาแสดงความรักกับคุณในวันสุดท้าย ฝากไว้นะครับ "เพราะไม่รู้จะมีพรุ่งนี้อีกกี่วัน" ...............

ด้วยรักและปรารถนาดี

สนธยา  แสนตลาด
20 พฤษภาคม 2559


*** มาร่วมเป็นผู้ให้ มอบความรักและความปรารถนาดี กับอาชีพมหัศจรรย์ "ตัวแทนประกันชีวิต" ด้วยกันนะครับ ***

วันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

มาวางแผนเกษียณกันเถอะ

มีคำถามว่าจะเกษียณเมื่อไหร่?
บางคนก็ตอบ 55 ปี  บางคน ก็ 60 ปี แล้วคุณหละวางแผนไว้อีกกี่ปีจะเกษียณ  อีกไม่กี่ปีข้างหน้า สังคมไทยโดยเฉพาะในกรุงเทพมหานครและตามหัวเมืองใหญ่ๆ จะมีกลุ่มคนหนึ่งกลุ่มคือสังคมผู้สูงอายุ มากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับข้าราชการตอนนี้ก็ยังพอที่จะเบาใจได้ในระดับหนึ่งสำหรับเงินได้หลังเกษียณมีใช้แน่นอนซึ่งแน่นอนว่าโดยส่วนมากทุกคนจะเลือกเกษียณแบบรับเงินบำนาญ อาจจะด้วยสังคมไทยได้เปลี่ยนวิถีชีวิตเป็นแบบวัตถุนิยมนำไปแล้ว อีกอย่างคือเงินเฟ้อขึ้นมากจากสมัยก่อนเคยซื้อก๋วยเตี๋ยวชามละ 5 บาท ทุกวันนี้ก็กลายเป็น 50 บาท ทำให้กลุ่มผู้คนที่เกษียณเลือกใช้เงินบำนาญมากกว่าบำเหน็จ เพราะมีเงินใช้ทุกเดือนแน่ๆ ไม่เสี่ยง เพราะเงินบำเหน็จรับครั้งเดียวแล้วแต่ว่าจะนำไปบริหารจัดการเอง ความเสี่ยงจึงมีมากกว่าทั้งหากนำเงินไปลงทุนก็อาจจะไม่ได้รับผลตอบแทนที่น่าพอใจเพราะถ้าหากนำเงินไปลงทุนที่มีความเสี่ยงมากๆ ไม่ได้เพราะเงินต้นหายไม่ได้ สำหรับความเสี่ยงจากการลงทุน จะนำเสนอในบทความต่อไป มาต่อในหัวข้อหลักกันดีกว่า

ทุกวันนี้เวลาเดินเร็วมากเชื่อหรือไม่ ลองถามคนที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไปดูสิว่าเวลาเดินเร็วมากจริงมั้ย แป๊บๆ 25 แป๊บๆ 28 แป๊บๆ 30 ปีแล้ว จะทำอะไรก็ยังทำไม่ได้ทำอายุก็เกินแล้ว ฉะนั้นยิ่งคนที่มีภาระมาก ยิ่งต้องวางแผนการใช้ชีวิต การงาน การเงิน เพราะผ่านไป1 วัน มันคืออดีตแล้ว เราจึงจำเป็นต้องวางแผนและโฟกัสให้แน่ชัดถึงการใช้ชีวิต การทำงาน การเงินในอนาคต

ไม่ว่าคุณจะวางแผนอนาคตอาชีพตัวเองเป็นมือปืนรับจ้างตลอดอายุการทำงานหรืออยากจะมีธุรกิจเป็นของตัวเองสิ่งสำคัญที่จะต้องมีคือเงินออมสำหรับฉุกเฉิน หลายทศวรรษมาแล้วหลายๆ ตำราบอกว่าต้องมี3-6 เดือนเป็นอย่างน้อย  จึงจะดำเนินชีวิตอยู่ได้ต่อไปอีกในสภาพที่ไม่เดือดร้อน  แต่...มีใครหลายคนอย่าว่าแต่ 3 เดือนเลย แค่บริษัทไม่จ่ายเงินเดือน 1 เดือน ก็มีปัญหามากแล้ว...สำคัญนะครับ ลองกลับไปดูเงินในกระเป๋าตัวเองหากสิ้นเดือนนี้ออฟฟิศประกาศไม่จ่ายเงินเดือน ค่าใช้จ่ายต่างๆ ประจำเดือนจะไปเอามาจากไหน เดือนร้อนหนัก ดังนั้นเราต้องว่งแผนการใช้จ่าย การเก็บออม การชำระหนี้ การลงทุนให้ดี

วิธการที่จะทำให้การเกษียณของเรามีความสุขคือเราต้องตั้งเป้าหมายว่าหลังจากเกษียณเราจะมีชีวิตอยู่อีกกี่ปี ไม่ยากดูจากบรรพบุรุษของเราว่าท่านอายุยืนนานสุดกี่ปีบวกเพิ่มได้อีกนิดหน่อยเนื่องจากวิทยาการการแพทย์ก้าวหน้าผู้คนที่รับการรักษาทันและดูแลการใช้ชีวิตเป็นอย่างดีอายุจึงยืนยาวขึ้น
สมมติ ตอนนี้อายุ 40 ปี ตั้งใจเกษียณอายุ 55 ปี ดูจากประวัติของบรรพบุรุษแล้วอายุยืนบวกเพิ่มอีก3-5 ปี ได้ที่ 80 ปี ตั้งใจว่าจะใช้เงินหลังเกษียณเฉลี่ยเดือนละ 30,000 บาท (ยังไม่รวมเงินเฟ้อ) 80-55 เท่ากับ 25 ปี × 360,000 เท่ากับ  9,000,000 บาท  ไม่เยอะไปเลยใช้มั้ยครับ เพราะนี่คือเงินอีก 15 ปีข้างหน้าที่เราต้องมี

เมื่อได้ยอดเงินที่จะใช้แล้ว ก็มาดูว่าเราเก็บสินทรัพย์ที่แปลงเป็นเงินได้อีกในช่วงหลังเกษียณมีอะไรบ้าง
- เงินฝากธนาคาร
-เงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
-ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ที่จะครบกำหนด
-กองทุนLTF,RMF
-ทองคำ
สำหรับเงินของสำนักงานประกันสังคมนั้นถ้าเราจะเลือกรับแบบบำนาญก็ขอให้เก็บไว้เป็นค่าน้ำค่าไฟ ค่าอินเตอร์เนต หรือคชจ.เบ



วันอาทิตย์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

การเปลี่ยนแปลง

ในชีวิตของคนเรา จะต้องพบเจอการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ไม่มีสิ่งใดจะยั่งยืนตลอดไป ตำแหน่งหน้าที่ อาชีพ ยศ ถาบรรดาศักดิ์ ความรวย ความจน อำนาจ บารมี ล้วนแล้วแต่จะเปลี่ยนไปตามสภาวะการณ์ที่มาจากบุญเก่า กรรมเก่า เสมอ

เคยสังเกตุมั้ยว่าหากเราทำงานอยู่ที่หนึ่ง และไม่ได้ย้ายหรือลาออกไปไหน เราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของบริษัท ซึ่งผู้บริหารต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้ทันสมัย ทันเหตุการณ์อยู่เสมอ รวมถึงปรับตัวให้องค์กรอยู่รอด

หากวันนี้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างในชีวิตประจำวันของเรายกตัวอย่าง มนุษย์เงินเดือน
สิ้นเดือนนี้หากบริษัท ประกาศไม่จ่ายเงินเดือนพนักงาน....2 เดือน เกิดอะไรขึ้น  ผู้ได้รับผลกระทบจริงๆ จังๆ คือพนักงาน  ไหนจะค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าอินเตอร์เนต ค่างวดรถ ค่านมลูก  ค่ากิน ค่าใช้หนี้ ...... สารพัดค่าใช้จ่าย ที่จะต้องจ่ายเมื่อถึงสิ้นเดือน หากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว  คุณมีวิธีรับมือปัญหานั้นอย่างไร...?  อะไรคือวิธีการแก้ปัญหานี้  กลับไปคิดนะครับ และวางแผนตัวเองใหม่ สำหรับคนที่วางแผนตัวเองดี บ้านรวย สบายอยู่แล้ว แต่จะสบายได้นานเท่าไหร่กัน.....


ในการเปลี่ยนแปลงทุกครั้งย่อมมีเรื่องราวที่แย่สำหรับใครบางคน และเรื่องราวที่ดีสำหรับใครบางคนเช่นกัน จึงอยากฝากทุกคนว่าการเดินทางของชีวิตนี้เราต้องวางแผนให้ดี อย่าให้กิเลส ตัณหา มาทำรายสิ่งดีๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต  อย่าทำให้อารมณ์ของเรามาทำให้เพื่อนดีๆ ของคุณหายไป มิตรภาพ ความรัก เป็นสิ่งดีๆ เป็นสิ่งสวยงามที่เราควรจะรักษาไว้  อย่าไปสนใจและใส่ใจมากกับตำแหน่ง อำนาจ หน้าที่ มีขึ้นก็ต้องมีลงเป็นเรื่องธรรมดา ยอมรับและปล่อยวางรวมถึงปรับเปลี่ยนให้เป็นประโยชน์กับทุกคน จะทำให้เราอยู่บนโลกใบนี้ต่อไปด้วยจิตใจที่เข้มแข็ง มีคุณธรรม มีความซื่อสัตย์ มีเมตตา กับเพื่อนร่วมทางตลอดไป



เสียดาย อายุยังน้อย อนาคตน่าจะไปอีกได้ไกล น่าจะสร้างสรรค์สิ่งดีๆให้กับสังคมอีกได้มาก

โลก Social media ทำให้คนเราเป็นเพื่อนกันได้ง่าย ขอเพียงเรามีใจถึงกัน ไม่รู้จักกันก็เป็นเพื่อนกันได้ อย่างเช่นผมได้มีโอกาสรู้จักเพื่อนทาง Face Book  ท่านเป็นอาจารย์สอนวิชาบัญชี จบดร. เก่งมากๆ จบจากสถาบันเดียวกันด้วย มศว.ประสานมิตร  เป็นเด็กตจว. ไขว่คว้า ทุ่ม เท มุ่งมั่นจนเป็นดร. และยังเป็นอาจารย์ที่ลูกศิษย์รักเนื่องจากเป็นอาจารย์ที่เข้าใจวัยรุ่นได้ดี 

ได้มีโอกาสปรึกษาให้ท่านได้มาสอนบัญชีภาษีเพื่อให้เป็นความรู้แก่ลูกค้าที่ที่สนใจเรื่องบัญชี ภาษี เพื่อให้ทุกคนมีโอกาสวางแผนเพราะเรื่องบัญชี ภาษี การเงิน เป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับกลุ่มคนที่มีรายได้จากการประกอบกิจการ หรือแม้แต่กระทั่งมนุษย์เงินเดือนเอง ก็ต้องเข้าใจเรื่องภาษี
ท่านอาจารย์คนนี้ได้ให้คำปรึกษาดีเยี่ยม รวมถึงพอเรานำเสนอ Concept ที่เราอยากจะทำให้กลุ่มลูกค้าประกันชีวิตเรา  ท่านยินดีมาสอนโดยไม่คิดตังค์ก็ได้ เพราะท่านเป็นอาจารย์ อยากให้ทุกคนเข้าใจเรื่องบัญชีภาษีอย่างง่ายๆ เพื่อให้นำไปปฏิบัติได้ถูกต้องไม่ผิดหลักการทางบัญชีและกฎหมายภาษีอากร ท่านอาจารย์เจ๋งมาก 

แต่คุยกันได้สักพักก็ยังไม่มีโอกาสได้นัดเจอกันเนื่องจากต่างคนต่างมีภารกิจมากมาย แต่ก็ยังติดตามข่าวคราวของอาจารย์ท่านนี้โดยตลอดมีรับปริญญาที่ศศินทร์ที่จุฬาฯ ด้วย อาจารย์เก่งและมุ่งมั่นในการพัฒนาวิชาชีพจริงๆ 

จนมาช่วงสงกรานต์ก็เห็นท่านอาจารย์ท่านี้เช็คอินที่สนามบินเพื่อกลับบ้านตจว.  กลับไปถึงบ้านที่ตจว. ก็มีโพสต์ข้อความว่าไม่สบาย และมีนอนโรงพยาบาลด้วย  เราก็ไม่ได้เอะใจอะไรใดๆ ทั้งสิ้น 

จนเมื่อวันก่อนมีโอกาสอ่านข้อความซึ่งเป็น Tag ข้อความว่ามาเก็บห้องทำความสะอาดห้องที่คอนโดและบอกว่ารักอาจารย์นะ  เราก็ยังแอบชมในใจว่าห้องอาจารย์ท่านเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก เอกสารตำราวิชาการ ชุดครุยหลายสถาบันเก็บไว้เป็นอย่างดี เอกสารวิชาการก็เยอะมากในรูป

อยู่ดีเปิด FB ของตัวเองอีกทีในTime line  ก็มีTag อาจารย์อีกแต่คนที่ Tag ท่าน คือน้องชายท่านบอกว่า "กลับมาถึงบ้านแล้วนะพี่ชาย" แต่เป็นภาพโลงศพ  

ตกใจมากเกิดอะไรขึ้น รีบเข้าไปดู Time line FB ขออาจารย์ท่านนั้น สิ่งที่รู้และเห็นคือหลายคนมากเข้ามาแสดงความรู้สึกที่มีต่อท่าน  มากมายจริงๆ ทั้งลูกศิษย์ เพื่อนร่วมงาน  เพื่อนสมัยเรียน ถล่มทลายมาก มีคนรักอาจารย์ท่านนั้นเยอะจริงๆ  เข้าไปดูยิ่งอ่านข้อความยิ่งเห็นว่าท่านเป็นคนดีจริงๆ 

แต่ใครจะรู้ว่าคนเรามีเพียงบัตรประชาชนบอกวันเกิด ไม่ได้บอกวันตาย ไม่มีความแน่นอนในเรื่องนี้แต่สิ่งดีๆ ที่อาจารย์ท่านนี้ได้ทำไว้เป็นความสวยงามที่ใครหลายคนจะจดจำไปอีกนานแสนนาน ซึ่งและประทับใจในตัวท่านน้ำตาอาบแก้มถึงแม้เราไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัวแต่เราก็รับรู้ว่าท่านเป็นคนดี สร้างสรรค์และทำสิ่งดีๆ ให้กับสังคมมากมาย 

ขอไว้อาลัยให้กับท่านอาจารย์คมสันต์ อินตา  ให้เดินทางสู่ภพภูมิใหม่ที่ดี ที่เจริญขึ้นความดีที่ท่านได้ทำจะนำพาท่านไปสู่สิ่งที่ดีแน่นอน  เป็นกำลังใจให้ครอบครัวและผู้ที่เป็นที่รักของอาจารย์

ชีวิตนี้จะว่าสั้นก็สั้น เพราะมีหลายอย่างที่เราต้องทำมีภาระหน้าที่ให้รับผิดชอบเพื่อดิ้นรนให้ชีวิตได้เดินต่อไปอย่างสวยงามบนโลกใบนี้ แต่ความตายไม่มีใครรู้จะมาเมื่อไหร่แต่ทำไมคนเรามักไม่ได้ใส่ใจหรือสนใจที่อยากจะรับรู้ ฝากทิ้งท้ายไว้ว่าเพราะไม่รู้จะมีพรุ่งนี้หรือเปล่า  อย่างน้อยวันนี้เราได้ทำดี ทำเต็มที่ มีเมตตากับทุกความรู้สึก ชื่นชมยินดีกับทุกความสำเร็จ ให้อภัยกับความอิจฉา ปล่อยวางจากความโกรธแค้น มีสติพร้อมรับกับทุกปัญหา เราเกิดมาเพื่อรักและเมตตากัน ไม่ใช่เพื่อเกลียดหรือเพื่อแย่งชิง สัจธรรมของชีวิตจะมีค่า หากทุกวันเราทำตัวเองให้มีความสุขด้วยทาน ศีล สมาธิ เมตา ปัญญา จะนำพาให้เราทุกคนเจริญรุ่งเรืองสืบไป...

ขอบคุณที่มีโอกาสได้เจอกับคนดีๆ เช่นคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะครับ เราสัญญาว่าจะมีความรักและเมตตาให้กันเสมอ 

วันพุธที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2559

รถไฟชีวิต

ชอบมาก รถไฟ...ชีวิต !!!!
อ่านแล้วอ่านอีกไม่เบื่อ

ชีวิตเหมือนกับการเดินทางโดยสารรถไฟ... มีสถานีต่างๆ... มีการเปลี่ยนเส้นทาง...  มีกระทั่งอุบัติเหตุ......

เราขึ้นรถไฟขบวนนี้ตอนเราถือกำเนิด.... พ่อแม่ คือคนที่ตีตั๋วให้เรา...

เราเชื่อว่าท่านจะเดินทางด้วยรถขบวนนี้ กับเราตลอดไป....

แต่แล้ว..ที่สถานีใด สถานีหนึ่ง
ท่านทั้งสองก็ต้องลงรถจากไป... ปล่อยเราไว้เพียงลำพังกับการเดินทางนี้....

วันเวลาผ่านไป... จะมีผู้โดยสารอื่นๆขึ้นรถ มาเรื่อยๆ... หลายคนจะเป็นคนที่เรารัก และผูกพัน.. เป็นพี่เป็นน้อง.. เป็นเพื่อน..  เป็นลูกเป็นหลาน หรือกระทั่งเป็นที่รัก แห่งชีวิตของเรา....

หลายคนลงรถไปกลางทาง... ทิ้งไว้แค่ความทรงจำความอ้างว้างและคิดถึงอันถาวรในชีวิตเรา..

หลายคนจากไป... อย่างที่เราไม่ทันได้ สังเกตด้วยซ้ำว่า...    เขาลุกจากที่นั่ง และลงรถไฟไปแล้ว !

การเดินทางโดยรถไฟชีวิตขบวนนี้ จึงเต็มไป ด้วยความรื่นรมย์... ความโศกเศร้า... ความมหัศจรรย์...ความสมหวัง... คำสวัสดี...คำอำลา... และคำอวยพรให้โชคดี

การเดินทางที่ดีที่สุด คือ การได้ช่วยเหลือ... ได้รัก...ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อน ผู้โดยสารทุกคน ...จงแน่ใจว่าเราได้ให้ สิ่งที่ดีที่สุด  เพื่อให้การเดินทางของพวกเขา มีความราบรื่นและสะดวกสบาย

ความน่าพิศวงของการเดินทางอันวิเศษยอดเยี่ยมนี้คือ... ตัวเราเองก็ไม่รู้ล่วงหน้า ว่าเราจะต้องลงจากรถไฟที่สถานีไหน.....

ฉะนั้น...เราต้องมีชีวิตให้แจ๋วที่สุด...ปรับปรุงตัวเอง...รู้จักลืม...รู้จักอภัย...ให้สิ่งดีที่สุด ที่เรามีแก่คนรอบข้าง

สำคัญเหลือเกิน ที่เราควรทำอย่างนี้...
เพราะเมื่อถึงเวลาที่เราต้องลุกจากที่นั่ง..เพื่อลงจากรถไฟไป เราจะได้ทิ้งความทรงจำ ที่สวยงามไว้แก่ผู้คน ที่ต้องเดินทาง โดยสาร รถไฟขบวนชีวิตนี้ต่อไป

ขอบคุณมากๆ ที่มาเป็นผู้โดยสารคนหนึ่ง ในขบวนรถไฟชีวิต ของกันและกัน

ขอให้ผู้ร่วมทางทุกท่านพบพานแต่ความรื่นรมย์ในการเดินทางบนขบวนรถไฟสายชีวิต... ที่ครั้งหนึ่ง ช่วงเวลาหนึ่ง ณ สถานีใด สถานีหนึ่ง เรามีโอกาสได้เดินทาง ร่วมกัน

ช่วย Share ต่อให้คนที่คุณรักนะ

วันพุธที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2559

จรรณยาบรรณตัวแทนประกันชีวิต

ทุกสาขาอาชีพล้วนมีกรอบและกติกาในการดำเนินงานของตนเอง
สำหรับกฎเกณฑ์การเป็นตัวแทนประกันชีวิตนั้นต้องบอกเลยว่าไม่ยากและไม่ง่าย หากเรามีพร้อมครบทั้ง 10 ข้อ เชื่อเลยว่าใครๆ ก็อยากเป็นเพื่อนกับคนดี  อยากอุดหนุนสนับสนุนคนดี อยู่ใกล้ๆกับคนดี คนเก่งๆ ก็จะพากันทำแต่เรื่องดีๆ ทั้งนี้ก็เพื่อพัฒนาตนเอง สังคม ประเทศชาติต่อไป

ในการทำหน้าที่ของตัวแทนสิ่งสำคัญเลยที่ต้องมีในใจและยึดเป็นพื้นฐานในการดำเนินชีวิตทุกสาขาอาชีพนั่นคือต้องมี
1.  ความซื่อสัตย์สุจริต  เชื่อเหลือเกินว่าใครคนไหนไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตก็จะไม่สามารถดำเนินชีวิตที่เกิดมาในชาตินี้ได้ราบรื่นจะต้องมีเรื่องให้ปวดหัว เจ็บตัว เศร้าใจเสมอ ไม่ว่าจะซื่อสัตย์ต่อตนเองหรือเพื่อนร่วมสังคม ปัญหาหากคนเรามีความซื่อสัตย์สุจริตหลากหลายปัญหาในสังคม ประเทศชาติและโลกเองก็คงไม่เกิดขึ้น

2.  ให้บริการที่ดี สม่ำเสมอ รักษาผลประโยชน์ของผู้เอาประกัน การไปมาหาสู่มากกว่าตัวแทนประกันชีวิตคือเราได้รู้จัก รักกันดุจญาติพี่น้องห่วงหาอาทร คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกันอยู่เสมอ ไม่ทอดทิ้งในยามที่ใครเดือดร้อนทั้งเพื่อนร่วมอาชีพและลูกค้า สำคัญคนในครอบครัวเราเองต้องรักษาน้ำใจกันอยู่ตลอด เชื่อเหลือเกินว่าหากวันนี้คุณเป็นคนดี ก็จะเจอแต่ลูกค้าดีๆ มีเมตตา เป็นคนดีของสังคมเช่นเดียวกับคุณแน่นอน เพราะบุญมีร่วมกันเราทุกคนเลยต้องมาเจอกัน หากไม่มีบุญต่อกันแม้จะอยู่บ้านตรงข้ามกันก็ไม่รู้จักกัน ฉะนั้นวันนี้เราโชคดีเหลือเกินที่ได้รู้จักกันรักษาน้ำใจของกันและกันให้มากๆ อย่าให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ แล้วคุณจะได้มิตรแท้พร้อมจะช่วยเหลือกันไปตลอดกาล

3.  การรักษาความลับ  ความลับก็คือข้อมูลส่วนตัว หากคุณเอาเปิดเผยให้ใครรู้โดยที่ไม่คำนึงถึงผลเสียของการเปิดเผยข้อมูลที่เป็นความลับย่อมไม่เป็นที่ดีแน่นอน เช่นเดียวกับเราก็ไม่ชอบเหมือนกันที่ใครบางคนจะเอาความลับเราไปเปิดเผย นึกถึงใจเขาใจเราให้มากๆ

4.  การเปิดเผยข้อมูลที่เป็นความจริงต่อฝ่ายพิจารณารับประกันของบริษัทประกันชีวิต ย้อนกลับไปยังข้อที่ 1 คือหากมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นพื้นฐาน แน่นอนว่าข้อนี้จะทำได้โดยง่ายเลยทีเดียว

5.  เนื่องจาการทำประกันชีวิตย่อมมาจากพื้นฐานจากรายได้และความต้องการบริหารความเสี่ยง หากคุณภาพชีวิตของผู้ขอเอาประกันชีวิตมีรายได้จากการทำงานเยอะ มีภาระรับผิดชอบเยอะ และยิ่งเป็นหัวหน้าครอบครัวแล้ว (หัวหน้าครอบครัวไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เป็นพ่อเสมอไป กล่าวคือเป็นบุคคลที่รับผิดชอบในการหารายได้มาจุนเจือครอบครัว) ยิ่งต้องพิจารณาทุนประกันชีวิตให้เหมาะสม หากวันพรุ่งนี้เราไม่อยู่ครอบครัวยังเดินหน้าต่อไปได้โดยไม่ยากลำบาก นี่หละคือความหมายของการประกันชีวิต อย่างไรก็ดีหากเป็นบุคคลที่มีศักยภาพสูง ร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีก็ย่อมมีความจำเป็นคนละแบบในการทำประกันชีวิต  โดยสำหรับคนรวยที่ต้องทำประกันชีวิตคือต้องการส่งมอบความมั่งคั่งให้กับผู้รับผลประโยชน์ซึ่งอาจจะเป็นลูกหลานหรือผู้สืบทอด  เนื่องจากเงินจำนวนเพียงน้อยนิดสามารถสร้างหลักประกันในวงเงินก้อนที่สูงได้มาก ยกตัวอย่างบุคคลอายุ 55 ปี ทำประกันชีวิตเพื่อส่งมอบเป็นมรดกให้ลูกหลานจ่ายเบี้ยเพียงปีละ 8 ล้านบาท แต่คุ้มครองชีวิตในเงิน 100 บาท และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เห็นมั้ยว่าเบี้ยประกันที่จ่ายเพียงหลักหน่วย แต่สามารถเป็นเงินก้อนเป็นหลักร้อยล้าน เห็นมั้ยว่าเป็นการบริหารการส่งมอบสินทรัพย์ที่ชาญฉลาด ที่สำคัญไม่ต้องเสียภาษีมรดกให้ยุ่งยาก...

6.  ค่าบำเหน็จ หรือค่าคอมมิชชั่นจากการขายประกันชีวิต คือน้ำเลี้ยงสำหรับตัวแทนประกันชีวิตเพราะทุกอย่างที่ทำคือต้นทุนในการบริหารกิจการ  และการดูแลผู้เอาประกันไปอีกนานตราบไปจนกว่าว่าใครจะจากโลกนี้ไปก่อน ฉะนั้นหากคนที่ทำธุรกิจย่อมรู้ดีว่า ทุกอย่างคือต้นทุน รวมถึงหากมีรายได้ที่มากก็มีภาระภาษีเพื่อรัฐบาลจะได้นำเงินได้จากภาษีประชาชนไปพัฒนาประเทศชาติต่อไป ฉะนั้นอย่าเลยที่จะเสนอลดค่าคอมมิชชั่น เพราะสุดท้ายแล้วหากคุณทำงานโดยไม่มีรายได้ที่มากพอ คุณก็จะหลุดออกจากอาชีพที่ดีอาชีพนี้ไปโดยปริยาย ลูกค้าก็จะไม่มีตัวแทนดีๆ ดูแลซึ่งกันและกัน แล้วก็จะทำให้เป็นปัญหากับเพื่อนร่วมอาชีพที่คุณไม่มีจุดยืนที่มั่นคงในการรักษามาตรฐานการดูแลลูกค้าหลังการขาย ความรู้สึกที่ไม่ดีของลูกค้าก็จะเกิดกับการประกันชีวิตได้โดยง่าย ทั้งที่จริงๆแล้ว การประกันชีวิตเป็นวิธีการบริหารความเสี่ยงที่ดีมากๆ

7.  ในการเป็นตัวแทนประกันชีวิตเราต้องเลือกแล้วว่าบริษัทประกันชีวิตที่เราจะทำนั้นเป็นบริษัทที่ดี มั่นคง พัฒนาตัวเองอยุ่เสมอมุ่งเน้นพัฒนาบุคลากร พัฒนาวิธีการทำงาน ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อยู่เสมอ หากเลือกแล้วก็ขอให้ตั้งใจทำงานให้เต็มที่ กรมธรรม์ประกันชีวิตทุกเล่มมีคุณสมบัติที่ดีในตัวเองอยู่แล้ว ขอให้ผู้เอาประกันทุกท่านส่งให้ครบสัญญา อย่าซื้อเพียงเพื่อว่าช่วยตัวแทน ช่วยผู้ขาย เพราะประโยชน์จากกรมธรรม์ ผู้รับประโยชน์ที่แท้จริงคือผู้เอาประกันและผู้รับผลประโยชน์ ฉะนั้น หากวันหนึ่งวันใดตัวแทนประกันชีวิตมาบอกให้ยกเลิก และทำเล่มใหม่นั้นบอกได้เลยว่าเป็นตัวแทนที่ไม่มีคุณภาพ มาแนะนำให้ลูกค้าเสียผลประโยชน์ ซึ่งไม่เป็นการดีนั้นหมายความว่าไม่มีความหวังดีกับผู้เอาประกันชีวิต บางคนเขาทำประกันชีวิตด้วยเบี้ยประกันที่กว่าจะหาเงินมาเก็บออมทำประกันเล่มดังกล่าวได้ก็ยากลำบากแล้ว  อย่าทำให้เขาต้องเริ่มต้นใหม่เลย หรือเสียผลประโยชน์จากเล่มเดิมที่ทำอยู่เลย

8.  ตัวแทนประกันชีวิต  บริษัทประกันชีวิต ล้วนแล้วได้รับการฝึกฝนอบรมมาเป็นอย่างดี อย่าไปกล่าวให้ร้ายกับเพื่อนร่วมอุตสาหกรรมเดียวกันเลย  เราร่วมกันทำงานประกันชีวิตอย่างสร้างสรรค์ เน้นให้คนไทยมีหลักประกันที่มั่นคง เน้นให้ความรู้เกี่ยวกับการประกันชีวิตของคนไทย ซึ่งในขณะนี้คนไทย 70 ล้านคน มีประกันเพียง 30 กว่าเปอร์เซ็นต์ ทำอย่างไรจะให้คนไทยเรามีประกันชีวิต มีความมั่นคงในชีวิต ไม่เป็นภาระของรัฐบาลในอนาคต เพราะในอีก 20 ปี ข้างหน้าประเทศเราจะกลายเป็นประเทศที่คนสูงอายุเยอะ หากวันนี้ไม่มีการวางแผนเกษียณทีดี แน่นอนว่าภาระทั้งค่าใช้จ่ายประจำวัน คุณภาพชีวิต ค่ารักษาพยาบาลล้วนแล้วมีแนวโน้มที่สูงขึ้น เงิน 1 ล้านบาท ในอีก 20 ปีข้างหน้าจะเหลือมูลเท่าไหร่ลองคิดดู เมื่อก่อนก๋วยเตี๋ยวเราซื้อกินที่ 5 บาท/ถ้วย  ตอนนี้ต่ำๆ ก็ 30 บาท แล้ว เพิ่มขึ้นเป็น 6 เท่า เพียงระยะเวลาไม่กี่ปี   มาช่วยกันนะครับเพื่อให้คนไทยด้วยกันเองมีหลักที่มั่นคงและร่ำรวยอย่างยั่งยืนตลอดไป

9.  หมั่นฝึกฝนและพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ เพื่อให้ทันโลก ทันเหตุการณ์ การเรียนรู้เทคโนโลยีทุกวันนี้กลายเป็นเรื่องง่ายไปแล้ว เช่นเดียวกันประกันชีวิตก็มีแบบใหม่ๆ ออกมาเพื่อให้เข้ากับยุคสมัย ยกตัวอย่างทุกวันนี้นวัตกรรมการกรอกใบสมัครเพื่อทำประกันชีวิต ไม่จำเป็นต้องส่งเป็นเอกสารแล้ว มี i Pad เครื่องเดียวเราก็สามารถทำงานส่งงานได้สบายแล้ว

อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่ภูมิใจนำเสนอคือ แบบประกัน Unit Link  หรือประกันชีวิตควบการลงทุน ซึ่งเป็น นวัตกรรมใหม่สำหรับวงการประกันชีวิต ซึ่งแน่นอนว่าจะพัฒนาตัวแทนประกันชีวิตไปสู่ที่ปรึกษาการเงินแบบมืออาชีพ เป็นการปรับตัวของบริษัทประกันชีวิต ซึ่งหากตัวแทนไม่มีการปรับตัวเรียนรู้ พัฒนาตัวเองให้เป็นตัวแทนที่มีสิทธิ์การขายประกันชีวิตควบการลงทุน เรามาดูกันว่าอีก 5 ปีข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น  ยินดีต้อนรับผู้มี IC license เพื่อพัฒนาไปสู่ตัวแทนมืออาชีพและก้าวไปสู่ที่ปรึกษาทางการเงินอย่างเต็มภาคภูมิ สำคัญที่สุดอย่าหยุดที่จะเรียนรู้

10.ประพฤติตน อยู่ในศีลธรรมประเพณีอันดีงาม ธำรงไว้ซื่งเกียรติและศักดิ์ศรี และคุณธรรมแห่งอาชีวะปฏิญาณ  เป็นคนดีมากๆ ชัดเจนมากในข้อนี้ อยากให้ทุกท่านมีคุณธรรมประจำใจ ใช้คุณธรรมตัดสินใจเพื่อประโยชน์สูงสุดในทุกๆ เหตุการณ์ หากเราไร้ซึ่งเกียรติ ศักดิ์ศรี และคุณธรรม ก็จะทำให้การดำเนินชีวิตเต็มไปด้วยปัญหาตลอดไปไม่มีที่สุด

ที่สุดแล้วหากคุณสมบัติไม่ครบก็ไม่สมควรเป็น "ตัวแทนประกันชีวิต" นะครับ