ในหนึ่งชีวิตเกิดมาคนเราล้วนแล้วแต่สถานะ เชื้อชาติ ฐานะ สถานการณ์ สิ่งแวดล้อม ล้วนแล้วแต่แตกต่างกัน ไม่ว่าเราจะอยู่สถานการณ์เช่นไร สิ่งแวดล้อมเช่นไร ทำอะไร ตำแหน่งไหน สถานะอะไร สิ่งหนึ่งที่เราทุกคนต้องมีคือ "ความรับผิดชอบ"
สิ่งแรกที่ต้องมีคือ ความรับผิดชอบต่อตัวเอง เคยคิดมั้ยว่าเราต้องรับผิดชอบตัวเองอะไรบ้าง
- กินข้าว
- ทำความสะอาดร่างกาย
- ทำการบ้าน
- อ่านหนังสือ
-ดูแลร่างกายตัวเอง
ฯลฯ
เพราะตัวเราเองต้องไม่เป็นภาระของผู้อื่น เราต้องรับผิดชอบในเรื่องพื้นฐานในชีวิตประจำวันของตัวเราเอง หากยังดูแลรับผิดชอบตัวเองไม่ได้ ก็ยากที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคต (แต่ไม่ใช่การเห็นแก่ตัวนะครับ)
เมื่อเติบโตเป็นวัยเรียน เราก็มีหน้าที่รับผิดชอบตั้งใจเรียนหนังสือ หากไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือ ไม่ว่าจะทำงานหรือทำหน้าที่อะไร ก็ต้องทำหน้าที่รับผิดชอบให้ดีเต็มความสามารถ
คนเป็นพ่อ แม่ ก็มีหน้าที่รับผิดชอบเลี้ยงดูบุตรให้เติบใหญ่อย่างมีคุณภาพ สมกับความรักที่มีให้ต่อกันและกันเมื่อครั้งที่รักกันใหม่ๆ คนเกิดมีพยานรัก
เมื่อคุณลูกทั้งหลายเรียนหนังสือ หรือทำงานแล้ว มีหน้าที่การงานที่ดีทำ ก็รับผิดชอบพ่อแม่ เนื่องจากท่านก็ได้แก่ชราลง เรี่ยวแรงจะทำงานก็ไม่ไหว ดูแลท่านให้ดีสมกับท่านเป็นผู้กำเนิดเราเพราะบุญคุญพ่อแม่ มากมายเหลือเกิน
คำว่าดูแลดูแลพ่อแม่ ไม่ได้แค่ให้เงินใช้แต่ละเดือน เราต้องดูและรับผิดชอบถนอมน้ำใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะยิ่งแก่ ท่านยิ่งมีอาการน้อยใจได้มาก พาท่านไปทำบุญ ทำกุศล พาไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ และสิ่งดีในครอบครัวก็จะเกิดขึ้น เพราะเราดูแลกันด้วยความรักและเอาใจใส่กัน
สามี และภรรยา ก็มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบกันและกัน ใส่ใจดูแลกันให้ดี อยู่ด้วยกันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะไม่เข้าใจกันบ้าง แต่หากความรักที่เรามีให้กันแล้วคำว่า "อภัย และปรารถนาดี" ย่อมมีมากกว่าแล้วชีวิตคู่จะยั่งยืนถาวร
ครูบาอาจารย์ มีหน้าที่สั่งสอนอบมรมศิษย์ให้เป็นคนดี ให้รู้แจ้งเห็นจริงทั้งในวิชาการศึกษาและวิชาชีวิต ฉะนั้นสำคัญเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ที่ปวารณาตัวแล้วจะเป็นครูบาอาจารย์ย่อมมีจิตใจที่เติบใหญ่ พร้อมที่จะให้และอบรมสั่งสอนศิษย์ให้เต็มภาคภูมิความสามารถ นับได้ว่าครูบาอาจารย์เป็นอาชีพมากกว่าอาชีพ ที่คนเราจะต้องเราเคารพนับถือ มากกว่าผู้มีพระคุณ เป็นเพราะเป็นผู้ให้โดยไม่หวังผลสิ่งตอบแทนใดๆ จริงๆ
เจ้านายต้องรับผิดชอบลูกน้อง ลูกน้องต้องรับผิดชอบหน้าที่การทำงานให้เต็มกำลังสติปัญญาและความสามารถ เป็นเจ้านาย เป็นผู้มีอำนาจ เป็นผู้ใหญ่ต้องมีคุณธรรมประจำใจ ประจำตัว เมื่อพร้อมแล้วที่จะเป็นผู้บังคับบัญชาแล้ว เราก็พร้อมแล้วจะต้องเป็นผู้ให้ มือผู้ให้อยู่สูงกว่ามือผู้รับเสมอ .... ผู้น้อยก็รับแล้วก็ต้องมีคุณธรรมที่จะนำแรงบันดาลใจ ตั้งใจทำงานตอบแทนความรักความเมตตาต่อผู้บังคับบัญชา และแน่นอนว่าหากวันหน้าเราขึ้นเป็นผู้บังคับบัญชา เราก็จะไม่ลืมที่จะส่งต่อคุณธรรมต่อคนรุ่นหลังต่อไป เพราะไม่มีใครจะอยู่ยั่งยืนยงสถาพร ไปตลอดกาล ต้องเตือนตนอยู่เสมอหัวโขน เปลี่ยนได้ตลอดเวลา มีขึ้นก็มีลงเป็นธรรมดาของโลก
ฉะนั้นต่างคน ต่างวาระ ต่างหน้าที่ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะอะไรเราล้วนจะต้องพึ่งพากันเสมอ สิ่งหนึ่งที่เราจะต้องมีประจำใจคือความรักและปรารถนาดีต่อกัน รับผิดชอบซึ่งกันและกัน สังคมเราจะเต็มไปด้วยคนดีๆ เพราะมีวาสนาต่อกันเราจึงได้เกิดมาและรู้จักกัน คิดถึงคนอื่นให้มากๆ แล้วคุณจะพบกับความสุข
ความสำเร็จของการใช้ชีวิตว่าประสบผลสำเร็จมากแค่ไหนวัดกันในวันที่คุณได้จากโลกนี้ไป ว่าวันนั้นมีใครมาร่วมแสดงความเสียใจในวันที่คุณไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้ว มีคนรักคุณมากน้อยแค่ไหน ไม่ใช่เพียงเพราะตำแหน่ง อำนาจ หน้าที่ หรือเป็นศิลปิน ดารา ที่คนจะมาแสดงความรักกับคุณในวันสุดท้าย ฝากไว้นะครับ "เพราะไม่รู้จะมีพรุ่งนี้อีกกี่วัน" ...............
ด้วยรักและปรารถนาดี
สนธยา แสนตลาด
20 พฤษภาคม 2559
*** มาร่วมเป็นผู้ให้ มอบความรักและความปรารถนาดี กับอาชีพมหัศจรรย์ "ตัวแทนประกันชีวิต" ด้วยกันนะครับ ***
วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2559
วันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2559
มาวางแผนเกษียณกันเถอะ
มีคำถามว่าจะเกษียณเมื่อไหร่?
บางคนก็ตอบ 55 ปี บางคน ก็ 60 ปี แล้วคุณหละวางแผนไว้อีกกี่ปีจะเกษียณ อีกไม่กี่ปีข้างหน้า สังคมไทยโดยเฉพาะในกรุงเทพมหานครและตามหัวเมืองใหญ่ๆ จะมีกลุ่มคนหนึ่งกลุ่มคือสังคมผู้สูงอายุ มากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับข้าราชการตอนนี้ก็ยังพอที่จะเบาใจได้ในระดับหนึ่งสำหรับเงินได้หลังเกษียณมีใช้แน่นอนซึ่งแน่นอนว่าโดยส่วนมากทุกคนจะเลือกเกษียณแบบรับเงินบำนาญ อาจจะด้วยสังคมไทยได้เปลี่ยนวิถีชีวิตเป็นแบบวัตถุนิยมนำไปแล้ว อีกอย่างคือเงินเฟ้อขึ้นมากจากสมัยก่อนเคยซื้อก๋วยเตี๋ยวชามละ 5 บาท ทุกวันนี้ก็กลายเป็น 50 บาท ทำให้กลุ่มผู้คนที่เกษียณเลือกใช้เงินบำนาญมากกว่าบำเหน็จ เพราะมีเงินใช้ทุกเดือนแน่ๆ ไม่เสี่ยง เพราะเงินบำเหน็จรับครั้งเดียวแล้วแต่ว่าจะนำไปบริหารจัดการเอง ความเสี่ยงจึงมีมากกว่าทั้งหากนำเงินไปลงทุนก็อาจจะไม่ได้รับผลตอบแทนที่น่าพอใจเพราะถ้าหากนำเงินไปลงทุนที่มีความเสี่ยงมากๆ ไม่ได้เพราะเงินต้นหายไม่ได้ สำหรับความเสี่ยงจากการลงทุน จะนำเสนอในบทความต่อไป มาต่อในหัวข้อหลักกันดีกว่า
ทุกวันนี้เวลาเดินเร็วมากเชื่อหรือไม่ ลองถามคนที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไปดูสิว่าเวลาเดินเร็วมากจริงมั้ย แป๊บๆ 25 แป๊บๆ 28 แป๊บๆ 30 ปีแล้ว จะทำอะไรก็ยังทำไม่ได้ทำอายุก็เกินแล้ว ฉะนั้นยิ่งคนที่มีภาระมาก ยิ่งต้องวางแผนการใช้ชีวิต การงาน การเงิน เพราะผ่านไป1 วัน มันคืออดีตแล้ว เราจึงจำเป็นต้องวางแผนและโฟกัสให้แน่ชัดถึงการใช้ชีวิต การทำงาน การเงินในอนาคต
ไม่ว่าคุณจะวางแผนอนาคตอาชีพตัวเองเป็นมือปืนรับจ้างตลอดอายุการทำงานหรืออยากจะมีธุรกิจเป็นของตัวเองสิ่งสำคัญที่จะต้องมีคือเงินออมสำหรับฉุกเฉิน หลายทศวรรษมาแล้วหลายๆ ตำราบอกว่าต้องมี3-6 เดือนเป็นอย่างน้อย จึงจะดำเนินชีวิตอยู่ได้ต่อไปอีกในสภาพที่ไม่เดือดร้อน แต่...มีใครหลายคนอย่าว่าแต่ 3 เดือนเลย แค่บริษัทไม่จ่ายเงินเดือน 1 เดือน ก็มีปัญหามากแล้ว...สำคัญนะครับ ลองกลับไปดูเงินในกระเป๋าตัวเองหากสิ้นเดือนนี้ออฟฟิศประกาศไม่จ่ายเงินเดือน ค่าใช้จ่ายต่างๆ ประจำเดือนจะไปเอามาจากไหน เดือนร้อนหนัก ดังนั้นเราต้องว่งแผนการใช้จ่าย การเก็บออม การชำระหนี้ การลงทุนให้ดี
วิธการที่จะทำให้การเกษียณของเรามีความสุขคือเราต้องตั้งเป้าหมายว่าหลังจากเกษียณเราจะมีชีวิตอยู่อีกกี่ปี ไม่ยากดูจากบรรพบุรุษของเราว่าท่านอายุยืนนานสุดกี่ปีบวกเพิ่มได้อีกนิดหน่อยเนื่องจากวิทยาการการแพทย์ก้าวหน้าผู้คนที่รับการรักษาทันและดูแลการใช้ชีวิตเป็นอย่างดีอายุจึงยืนยาวขึ้น
สมมติ ตอนนี้อายุ 40 ปี ตั้งใจเกษียณอายุ 55 ปี ดูจากประวัติของบรรพบุรุษแล้วอายุยืนบวกเพิ่มอีก3-5 ปี ได้ที่ 80 ปี ตั้งใจว่าจะใช้เงินหลังเกษียณเฉลี่ยเดือนละ 30,000 บาท (ยังไม่รวมเงินเฟ้อ) 80-55 เท่ากับ 25 ปี × 360,000 เท่ากับ 9,000,000 บาท ไม่เยอะไปเลยใช้มั้ยครับ เพราะนี่คือเงินอีก 15 ปีข้างหน้าที่เราต้องมี
เมื่อได้ยอดเงินที่จะใช้แล้ว ก็มาดูว่าเราเก็บสินทรัพย์ที่แปลงเป็นเงินได้อีกในช่วงหลังเกษียณมีอะไรบ้าง
- เงินฝากธนาคาร
-เงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
-ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ที่จะครบกำหนด
-กองทุนLTF,RMF
-ทองคำ
สำหรับเงินของสำนักงานประกันสังคมนั้นถ้าเราจะเลือกรับแบบบำนาญก็ขอให้เก็บไว้เป็นค่าน้ำค่าไฟ ค่าอินเตอร์เนต หรือคชจ.เบ
บางคนก็ตอบ 55 ปี บางคน ก็ 60 ปี แล้วคุณหละวางแผนไว้อีกกี่ปีจะเกษียณ อีกไม่กี่ปีข้างหน้า สังคมไทยโดยเฉพาะในกรุงเทพมหานครและตามหัวเมืองใหญ่ๆ จะมีกลุ่มคนหนึ่งกลุ่มคือสังคมผู้สูงอายุ มากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับข้าราชการตอนนี้ก็ยังพอที่จะเบาใจได้ในระดับหนึ่งสำหรับเงินได้หลังเกษียณมีใช้แน่นอนซึ่งแน่นอนว่าโดยส่วนมากทุกคนจะเลือกเกษียณแบบรับเงินบำนาญ อาจจะด้วยสังคมไทยได้เปลี่ยนวิถีชีวิตเป็นแบบวัตถุนิยมนำไปแล้ว อีกอย่างคือเงินเฟ้อขึ้นมากจากสมัยก่อนเคยซื้อก๋วยเตี๋ยวชามละ 5 บาท ทุกวันนี้ก็กลายเป็น 50 บาท ทำให้กลุ่มผู้คนที่เกษียณเลือกใช้เงินบำนาญมากกว่าบำเหน็จ เพราะมีเงินใช้ทุกเดือนแน่ๆ ไม่เสี่ยง เพราะเงินบำเหน็จรับครั้งเดียวแล้วแต่ว่าจะนำไปบริหารจัดการเอง ความเสี่ยงจึงมีมากกว่าทั้งหากนำเงินไปลงทุนก็อาจจะไม่ได้รับผลตอบแทนที่น่าพอใจเพราะถ้าหากนำเงินไปลงทุนที่มีความเสี่ยงมากๆ ไม่ได้เพราะเงินต้นหายไม่ได้ สำหรับความเสี่ยงจากการลงทุน จะนำเสนอในบทความต่อไป มาต่อในหัวข้อหลักกันดีกว่า
ทุกวันนี้เวลาเดินเร็วมากเชื่อหรือไม่ ลองถามคนที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไปดูสิว่าเวลาเดินเร็วมากจริงมั้ย แป๊บๆ 25 แป๊บๆ 28 แป๊บๆ 30 ปีแล้ว จะทำอะไรก็ยังทำไม่ได้ทำอายุก็เกินแล้ว ฉะนั้นยิ่งคนที่มีภาระมาก ยิ่งต้องวางแผนการใช้ชีวิต การงาน การเงิน เพราะผ่านไป1 วัน มันคืออดีตแล้ว เราจึงจำเป็นต้องวางแผนและโฟกัสให้แน่ชัดถึงการใช้ชีวิต การทำงาน การเงินในอนาคต
ไม่ว่าคุณจะวางแผนอนาคตอาชีพตัวเองเป็นมือปืนรับจ้างตลอดอายุการทำงานหรืออยากจะมีธุรกิจเป็นของตัวเองสิ่งสำคัญที่จะต้องมีคือเงินออมสำหรับฉุกเฉิน หลายทศวรรษมาแล้วหลายๆ ตำราบอกว่าต้องมี3-6 เดือนเป็นอย่างน้อย จึงจะดำเนินชีวิตอยู่ได้ต่อไปอีกในสภาพที่ไม่เดือดร้อน แต่...มีใครหลายคนอย่าว่าแต่ 3 เดือนเลย แค่บริษัทไม่จ่ายเงินเดือน 1 เดือน ก็มีปัญหามากแล้ว...สำคัญนะครับ ลองกลับไปดูเงินในกระเป๋าตัวเองหากสิ้นเดือนนี้ออฟฟิศประกาศไม่จ่ายเงินเดือน ค่าใช้จ่ายต่างๆ ประจำเดือนจะไปเอามาจากไหน เดือนร้อนหนัก ดังนั้นเราต้องว่งแผนการใช้จ่าย การเก็บออม การชำระหนี้ การลงทุนให้ดี
วิธการที่จะทำให้การเกษียณของเรามีความสุขคือเราต้องตั้งเป้าหมายว่าหลังจากเกษียณเราจะมีชีวิตอยู่อีกกี่ปี ไม่ยากดูจากบรรพบุรุษของเราว่าท่านอายุยืนนานสุดกี่ปีบวกเพิ่มได้อีกนิดหน่อยเนื่องจากวิทยาการการแพทย์ก้าวหน้าผู้คนที่รับการรักษาทันและดูแลการใช้ชีวิตเป็นอย่างดีอายุจึงยืนยาวขึ้น
สมมติ ตอนนี้อายุ 40 ปี ตั้งใจเกษียณอายุ 55 ปี ดูจากประวัติของบรรพบุรุษแล้วอายุยืนบวกเพิ่มอีก3-5 ปี ได้ที่ 80 ปี ตั้งใจว่าจะใช้เงินหลังเกษียณเฉลี่ยเดือนละ 30,000 บาท (ยังไม่รวมเงินเฟ้อ) 80-55 เท่ากับ 25 ปี × 360,000 เท่ากับ 9,000,000 บาท ไม่เยอะไปเลยใช้มั้ยครับ เพราะนี่คือเงินอีก 15 ปีข้างหน้าที่เราต้องมี
เมื่อได้ยอดเงินที่จะใช้แล้ว ก็มาดูว่าเราเก็บสินทรัพย์ที่แปลงเป็นเงินได้อีกในช่วงหลังเกษียณมีอะไรบ้าง
- เงินฝากธนาคาร
-เงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
-ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ที่จะครบกำหนด
-กองทุนLTF,RMF
-ทองคำ
สำหรับเงินของสำนักงานประกันสังคมนั้นถ้าเราจะเลือกรับแบบบำนาญก็ขอให้เก็บไว้เป็นค่าน้ำค่าไฟ ค่าอินเตอร์เนต หรือคชจ.เบ
วันอาทิตย์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2559
การเปลี่ยนแปลง
ในชีวิตของคนเรา จะต้องพบเจอการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ไม่มีสิ่งใดจะยั่งยืนตลอดไป ตำแหน่งหน้าที่ อาชีพ ยศ ถาบรรดาศักดิ์ ความรวย ความจน อำนาจ บารมี ล้วนแล้วแต่จะเปลี่ยนไปตามสภาวะการณ์ที่มาจากบุญเก่า กรรมเก่า เสมอ
เคยสังเกตุมั้ยว่าหากเราทำงานอยู่ที่หนึ่ง และไม่ได้ย้ายหรือลาออกไปไหน เราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของบริษัท ซึ่งผู้บริหารต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้ทันสมัย ทันเหตุการณ์อยู่เสมอ รวมถึงปรับตัวให้องค์กรอยู่รอด
หากวันนี้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างในชีวิตประจำวันของเรายกตัวอย่าง มนุษย์เงินเดือน
สิ้นเดือนนี้หากบริษัท ประกาศไม่จ่ายเงินเดือนพนักงาน....2 เดือน เกิดอะไรขึ้น ผู้ได้รับผลกระทบจริงๆ จังๆ คือพนักงาน ไหนจะค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าอินเตอร์เนต ค่างวดรถ ค่านมลูก ค่ากิน ค่าใช้หนี้ ...... สารพัดค่าใช้จ่าย ที่จะต้องจ่ายเมื่อถึงสิ้นเดือน หากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว คุณมีวิธีรับมือปัญหานั้นอย่างไร...? อะไรคือวิธีการแก้ปัญหานี้ กลับไปคิดนะครับ และวางแผนตัวเองใหม่ สำหรับคนที่วางแผนตัวเองดี บ้านรวย สบายอยู่แล้ว แต่จะสบายได้นานเท่าไหร่กัน.....
ในการเปลี่ยนแปลงทุกครั้งย่อมมีเรื่องราวที่แย่สำหรับใครบางคน และเรื่องราวที่ดีสำหรับใครบางคนเช่นกัน จึงอยากฝากทุกคนว่าการเดินทางของชีวิตนี้เราต้องวางแผนให้ดี อย่าให้กิเลส ตัณหา มาทำรายสิ่งดีๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต อย่าทำให้อารมณ์ของเรามาทำให้เพื่อนดีๆ ของคุณหายไป มิตรภาพ ความรัก เป็นสิ่งดีๆ เป็นสิ่งสวยงามที่เราควรจะรักษาไว้ อย่าไปสนใจและใส่ใจมากกับตำแหน่ง อำนาจ หน้าที่ มีขึ้นก็ต้องมีลงเป็นเรื่องธรรมดา ยอมรับและปล่อยวางรวมถึงปรับเปลี่ยนให้เป็นประโยชน์กับทุกคน จะทำให้เราอยู่บนโลกใบนี้ต่อไปด้วยจิตใจที่เข้มแข็ง มีคุณธรรม มีความซื่อสัตย์ มีเมตตา กับเพื่อนร่วมทางตลอดไป
เคยสังเกตุมั้ยว่าหากเราทำงานอยู่ที่หนึ่ง และไม่ได้ย้ายหรือลาออกไปไหน เราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของบริษัท ซึ่งผู้บริหารต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้ทันสมัย ทันเหตุการณ์อยู่เสมอ รวมถึงปรับตัวให้องค์กรอยู่รอด
หากวันนี้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างในชีวิตประจำวันของเรายกตัวอย่าง มนุษย์เงินเดือน
สิ้นเดือนนี้หากบริษัท ประกาศไม่จ่ายเงินเดือนพนักงาน....2 เดือน เกิดอะไรขึ้น ผู้ได้รับผลกระทบจริงๆ จังๆ คือพนักงาน ไหนจะค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าอินเตอร์เนต ค่างวดรถ ค่านมลูก ค่ากิน ค่าใช้หนี้ ...... สารพัดค่าใช้จ่าย ที่จะต้องจ่ายเมื่อถึงสิ้นเดือน หากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว คุณมีวิธีรับมือปัญหานั้นอย่างไร...? อะไรคือวิธีการแก้ปัญหานี้ กลับไปคิดนะครับ และวางแผนตัวเองใหม่ สำหรับคนที่วางแผนตัวเองดี บ้านรวย สบายอยู่แล้ว แต่จะสบายได้นานเท่าไหร่กัน.....
ในการเปลี่ยนแปลงทุกครั้งย่อมมีเรื่องราวที่แย่สำหรับใครบางคน และเรื่องราวที่ดีสำหรับใครบางคนเช่นกัน จึงอยากฝากทุกคนว่าการเดินทางของชีวิตนี้เราต้องวางแผนให้ดี อย่าให้กิเลส ตัณหา มาทำรายสิ่งดีๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต อย่าทำให้อารมณ์ของเรามาทำให้เพื่อนดีๆ ของคุณหายไป มิตรภาพ ความรัก เป็นสิ่งดีๆ เป็นสิ่งสวยงามที่เราควรจะรักษาไว้ อย่าไปสนใจและใส่ใจมากกับตำแหน่ง อำนาจ หน้าที่ มีขึ้นก็ต้องมีลงเป็นเรื่องธรรมดา ยอมรับและปล่อยวางรวมถึงปรับเปลี่ยนให้เป็นประโยชน์กับทุกคน จะทำให้เราอยู่บนโลกใบนี้ต่อไปด้วยจิตใจที่เข้มแข็ง มีคุณธรรม มีความซื่อสัตย์ มีเมตตา กับเพื่อนร่วมทางตลอดไป
เสียดาย อายุยังน้อย อนาคตน่าจะไปอีกได้ไกล น่าจะสร้างสรรค์สิ่งดีๆให้กับสังคมอีกได้มาก
โลก Social media ทำให้คนเราเป็นเพื่อนกันได้ง่าย ขอเพียงเรามีใจถึงกัน ไม่รู้จักกันก็เป็นเพื่อนกันได้ อย่างเช่นผมได้มีโอกาสรู้จักเพื่อนทาง Face Book ท่านเป็นอาจารย์สอนวิชาบัญชี จบดร. เก่งมากๆ จบจากสถาบันเดียวกันด้วย มศว.ประสานมิตร เป็นเด็กตจว. ไขว่คว้า ทุ่ม เท มุ่งมั่นจนเป็นดร. และยังเป็นอาจารย์ที่ลูกศิษย์รักเนื่องจากเป็นอาจารย์ที่เข้าใจวัยรุ่นได้ดี
ได้มีโอกาสปรึกษาให้ท่านได้มาสอนบัญชีภาษีเพื่อให้เป็นความรู้แก่ลูกค้าที่ที่สนใจเรื่องบัญชี ภาษี เพื่อให้ทุกคนมีโอกาสวางแผนเพราะเรื่องบัญชี ภาษี การเงิน เป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับกลุ่มคนที่มีรายได้จากการประกอบกิจการ หรือแม้แต่กระทั่งมนุษย์เงินเดือนเอง ก็ต้องเข้าใจเรื่องภาษี
ท่านอาจารย์คนนี้ได้ให้คำปรึกษาดีเยี่ยม รวมถึงพอเรานำเสนอ Concept ที่เราอยากจะทำให้กลุ่มลูกค้าประกันชีวิตเรา ท่านยินดีมาสอนโดยไม่คิดตังค์ก็ได้ เพราะท่านเป็นอาจารย์ อยากให้ทุกคนเข้าใจเรื่องบัญชีภาษีอย่างง่ายๆ เพื่อให้นำไปปฏิบัติได้ถูกต้องไม่ผิดหลักการทางบัญชีและกฎหมายภาษีอากร ท่านอาจารย์เจ๋งมาก
แต่คุยกันได้สักพักก็ยังไม่มีโอกาสได้นัดเจอกันเนื่องจากต่างคนต่างมีภารกิจมากมาย แต่ก็ยังติดตามข่าวคราวของอาจารย์ท่านนี้โดยตลอดมีรับปริญญาที่ศศินทร์ที่จุฬาฯ ด้วย อาจารย์เก่งและมุ่งมั่นในการพัฒนาวิชาชีพจริงๆ
จนมาช่วงสงกรานต์ก็เห็นท่านอาจารย์ท่านี้เช็คอินที่สนามบินเพื่อกลับบ้านตจว. กลับไปถึงบ้านที่ตจว. ก็มีโพสต์ข้อความว่าไม่สบาย และมีนอนโรงพยาบาลด้วย เราก็ไม่ได้เอะใจอะไรใดๆ ทั้งสิ้น
จนเมื่อวันก่อนมีโอกาสอ่านข้อความซึ่งเป็น Tag ข้อความว่ามาเก็บห้องทำความสะอาดห้องที่คอนโดและบอกว่ารักอาจารย์นะ เราก็ยังแอบชมในใจว่าห้องอาจารย์ท่านเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก เอกสารตำราวิชาการ ชุดครุยหลายสถาบันเก็บไว้เป็นอย่างดี เอกสารวิชาการก็เยอะมากในรูป
อยู่ดีเปิด FB ของตัวเองอีกทีในTime line ก็มีTag อาจารย์อีกแต่คนที่ Tag ท่าน คือน้องชายท่านบอกว่า "กลับมาถึงบ้านแล้วนะพี่ชาย" แต่เป็นภาพโลงศพ
ตกใจมากเกิดอะไรขึ้น รีบเข้าไปดู Time line FB ขออาจารย์ท่านนั้น สิ่งที่รู้และเห็นคือหลายคนมากเข้ามาแสดงความรู้สึกที่มีต่อท่าน มากมายจริงๆ ทั้งลูกศิษย์ เพื่อนร่วมงาน เพื่อนสมัยเรียน ถล่มทลายมาก มีคนรักอาจารย์ท่านนั้นเยอะจริงๆ เข้าไปดูยิ่งอ่านข้อความยิ่งเห็นว่าท่านเป็นคนดีจริงๆ
แต่ใครจะรู้ว่าคนเรามีเพียงบัตรประชาชนบอกวันเกิด ไม่ได้บอกวันตาย ไม่มีความแน่นอนในเรื่องนี้แต่สิ่งดีๆ ที่อาจารย์ท่านนี้ได้ทำไว้เป็นความสวยงามที่ใครหลายคนจะจดจำไปอีกนานแสนนาน ซึ่งและประทับใจในตัวท่านน้ำตาอาบแก้มถึงแม้เราไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัวแต่เราก็รับรู้ว่าท่านเป็นคนดี สร้างสรรค์และทำสิ่งดีๆ ให้กับสังคมมากมาย
ขอไว้อาลัยให้กับท่านอาจารย์คมสันต์ อินตา ให้เดินทางสู่ภพภูมิใหม่ที่ดี ที่เจริญขึ้นความดีที่ท่านได้ทำจะนำพาท่านไปสู่สิ่งที่ดีแน่นอน เป็นกำลังใจให้ครอบครัวและผู้ที่เป็นที่รักของอาจารย์
ชีวิตนี้จะว่าสั้นก็สั้น เพราะมีหลายอย่างที่เราต้องทำมีภาระหน้าที่ให้รับผิดชอบเพื่อดิ้นรนให้ชีวิตได้เดินต่อไปอย่างสวยงามบนโลกใบนี้ แต่ความตายไม่มีใครรู้จะมาเมื่อไหร่แต่ทำไมคนเรามักไม่ได้ใส่ใจหรือสนใจที่อยากจะรับรู้ ฝากทิ้งท้ายไว้ว่าเพราะไม่รู้จะมีพรุ่งนี้หรือเปล่า อย่างน้อยวันนี้เราได้ทำดี ทำเต็มที่ มีเมตตากับทุกความรู้สึก ชื่นชมยินดีกับทุกความสำเร็จ ให้อภัยกับความอิจฉา ปล่อยวางจากความโกรธแค้น มีสติพร้อมรับกับทุกปัญหา เราเกิดมาเพื่อรักและเมตตากัน ไม่ใช่เพื่อเกลียดหรือเพื่อแย่งชิง สัจธรรมของชีวิตจะมีค่า หากทุกวันเราทำตัวเองให้มีความสุขด้วยทาน ศีล สมาธิ เมตา ปัญญา จะนำพาให้เราทุกคนเจริญรุ่งเรืองสืบไป...
ขอบคุณที่มีโอกาสได้เจอกับคนดีๆ เช่นคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะครับ เราสัญญาว่าจะมีความรักและเมตตาให้กันเสมอ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)